ภาษีของอพาร์ทเม้นท์หรือห้องเช่า
การวางแผนภาษีของอพาร์ทเม้นท์หรือห้องเช่า
1. ทำสัญญาแยกค่าเช่าออกจากค่าบริการ รวมทั้งชี้แจงเจ้าหน้าที่หากห้องเช่าของท่านไม่มีคนพักเต็มตลอดเวลา
โดยท่านสามารถแสดงหลักฐานสัญญาเช่าที่ผู้เช่าลงนามไว้หรือทะเบียนผู้เช่าพัก ท่านย่อมมีเหตุผลที่จะโต้แย้งและเสียภาษีตามรายได้ที่ท่านได้รับจริงเท่านั้น
และช่วยให้ฐานภาษีโรงเรือนลดลงได้ (ปัจจุบันต้องเสียภาษีโรงเรือน 12.5% ของค่าเช่าห้อง)
2. ถ้าค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าบริการ ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมเกินปีละ
1.8 ล้านบาท จะต้องเข้า VAT
3. บุคคลธรรมดาควรทำบัญชี โดยเก็บหลักฐานพิสูจน์ผู้รับผู้จ่ายสำหรับต้นทุนก่อสร้างและค่าใช้จ่ายต่างๆ
แล้วนำมาหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงได้ แต่ถ้าท่านมีรายได้จากแหล่งอื่นด้วย อาจทำให้เสียภาษีในอัตราสูง
ควรเปรียบเทียบกับการจัดตั้งบริษัทว่าอย่างใดจะคุ้มกว่ากัน
4. จัดทำอพาร์ทเม้นท์ในชื่อห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน(หสม.)เพื่อกระจายรายได้
การเข้าร่วมจัดตั้งหสม.ทำได้หลายวิธีเช่นเจ้าของที่ดินกับผู้ก่อสร้าง,เข้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับผ ู้ทำการตลาด จัดหาผู้เช่า ดูแลตึก
รักษาความปลอดภัย เรียกเก็บค่าเช่า จ่ายค่าจ้างคนงาน เป็นต้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็สามารถเก็บค่าเช่าในชื่อหสม.ได้โดยเสียภาษีจากอัตราต่ำสุด
และไม่ต้องเอาค่าเช่าไปรวมกับรายได้อื่นของคุณ โดยต้องจัดทำสัญญาจัดตั้งคณะบุคคลเพื่อแบ่งแยกหน้าที่การงานและกำหนดส่วนแบ่งกำไรให้ชัดเจนแล้วนำไปขอเลขป
ระจำตัวผู้เสียภาษีอากรของหสม.เพื่อจะได้เริ่มเสียภาษีให้ถูกต้อง
5. การให้เช่าเหมาชั้น กรณีอาคารมีหลายชั้นและคุณก็ไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการหาผู้เช่าให้ครบทุกห้องหรือความเสี่ยงในการเก็บ
เงิน คุณอาจให้เช่าเหมาชั้นแก่บุคคลทั่วไปโดยคิดค่าเช่าเป็นรายปี
6. หากคุณมีลูกหลาน
อาจจะกระจายรายได้ให้ลูกโดยจดทะเบียนสิทธิเก็บกิน คุณในฐานะพ่อหรือแม่ย่อมมีสิทธิทำการแทนลูกอยู่แล้ว
คุณจึงสามารถจดทะเบียนสิทธิเก็บกินให้ลูกโดยคุณเป็นผู้ทำการแทน การจดทะเบียนสิทธิเก็บกินต้องทำที่กรมที่ดินหรือสำนักงานที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินและอาคารตั้งอยู่
โดยต้องนำโฉนดไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่สลักหลังให้เรียบร้อยด้วยคุณอาจจะกำหนดระยะเวลาไว้ไม่เกิน
10 ปีเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต(อาจให้สิทธิ์แก่ใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นลูก)
เมื่อจดเรียบร้อยแล้วการทำสัญญาต่างๆก็ทำในนามคนนั้นเป็นผู้ให้เช่านะครับ
โพสเมื่อ : 2014-07-07
TAG :